หากเอ่ยถึง “แม่สาย” ผู้คนมักนึกถึงดินแดนปลายเหนือสุดของไทยที่เชื่อมพรมแดนเมียนมา
แต่ในห้วงเวลาที่ล่วงหายไปหลายร้อยปี ก่อนจะมีสะพานมิตรภาพหรือถนนคดเคี้ยวข้ามภูเขา
พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองลับของผู้คนโบราณ ที่มีตำนานซ่อนอยู่ใต้หมอกและเงาภูผา
เมืองนี้คือ เมืองแม่สาย – เวียงโบราณริมภูเขานางนอน
ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในรากกำเนิดของวัฒนธรรมลุ่มน้ำกกและล้านนา
กำเนิดจากลำน้ำศักดิ์สิทธิ์ – นทีที่ “ไหลมารวมกันเป็นสายเดียว”
ชื่อ “แม่สาย” มีผู้เฒ่าอธิบายว่า มาจากคำว่า
“แม่ซาย” หรือ “แม่ซ้าย” หมายถึง “ลำน้ำที่ไหลมารวมกันเป็นสาย”
น้ำจากภูเขานางนอนและป่าดอยสูงไหลรวมเป็นลำน้ำหนึ่งเดียว ก่อนทอดตัวไปสู่แม่จันและสู่แม่น้ำกก
ผู้คนโบราณเชื่อว่า ลำน้ำที่เกิดจากการรวมของหลายสายย่อมเป็นนทีศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่สถิตของวิญญาณผู้คุ้มครองดินแดน
จึงไม่น่าแปลกที่เมืองแม่สายจะเติบโตบนร่องรอยของลำน้ำนี้
เพราะน้ำคือชีวิตของผู้คน และคือสิ่งที่กำหนดการตั้งเมืองในยุคแรก
ตำนานเวียงพางคำ – เมืองพี่เมืองน้องของแม่สาย
ก่อนแม่สายจะเป็นเมืองที่รู้จักกันในปัจจุบัน
ตำนานเก่าเล่าถึงเมืองหนึ่งชื่อ เวียงพางคำ ซึ่งเคยรุ่งเรืองอยู่ใกล้บริเวณแม่สาย
เป็นเมืองที่ก่อตั้งโดยผู้คนเชื้อสายสิงหนวัติ ผู้เดินทางมาจากดินแดนแม่น้ำโขงตอนบน
เวียงพางคำและเมืองแม่สายนั้นถูกเล่าไว้เหมือนเป็น คู่เมือง
เมืองหนึ่งเป็นศูนย์ปกครอง อีกเมืองเป็นด่านหน้าที่เฝ้าทางเงื้อมรุ้งและเส้นทางค้าขายโบราณ
ผู้คนเดินทางผ่านแม่สายก่อนเข้าสู่เวียงพางคำ
ทำให้ดินแดนแถบนี้เต็มไปด้วยคาราวาน ขบวนค้าของ และผู้คนจากหลายเผ่าพันธุ์
บางตำนานเล่าว่า
หากใครเดินข้ามน้ำแม่สายในคืนเดือนดับ อาจได้ยินเสียงฆ้องเมืองเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำ
เป็นเสียงแห่งอดีตที่ยังไม่หลับใหล
ภูเขานางนอน – ผืนฟ้าที่เล่าเรื่องความรัก
บนขอบฟ้าแม่สายตั้งตระหง่านด้วย ดอยนางนอน
ภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนหญิงสาวเอนกายอยู่บนผืนดิน
ผู้คนเชื่อว่าภูเขานี้คือ ร่างของเจ้าหญิงเมืองหนึ่ง
ซึ่งเฝ้ารอคู่รักที่ออกไปออกรบแต่ไม่เคยกลับมา
เธอรอจนหัวใจแตกสลาย ลมพัดร่างเธอกลายเป็นภูผา
และน้ำตาของนางก็กลายเป็นลำธารแม่สาย
ตำนานนี้ถูกเล่าขานมานานจนกลายเป็นวิญญาณของเมือง
ให้ความหมายว่า แม่สายคือเมืองที่รักและรอคอย
ผู้คนที่อพยพเข้ามาอยู่ที่นี่จึงมักมีความผูกพันกับผืนดินดุจบ้านเกิดแท้จริง
จุดหมายของพ่อค้า–นักเดินทางตั้งแต่โบราณ
แม่สายไม่เพียงเป็นเมืองแห่งตำนาน แต่ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญมาแต่โบราณ
เพราะพื้นที่นี้คือ “ประตูสู่ดินแดนล้านนา–ฉาน”
ผู้คนจากสิบสองปันนา เมืองยอง เมืองหาย เมืองพง
ล้วนต้องเดินตามลำน้ำสายลงมาจนถึงเมืองแม่สาย เพื่อค้าขายหรือเดินทางต่อไปยังเชียงแสน
ในบางยุค แม่สายเป็นเมืองด่านที่ต้องรับศึกจากรัฐฉานและชนเผ่าตามแนวเขา
ผู้คนจึงสร้างเวียงเล็ก ๆ คูน้ำ และแนวป้องกันไว้หลายแห่ง
ร่องรอยยังหลงเหลืออยู่ในรูปกำแพงดินและซากเวียงโบราณที่พบทั่วพื้นที่
แม่สายในความทรงจำของดินแดนล้านนา
เมื่อเวลาผ่านไป เมืองเชียงแสน เจียงรุ่ง และเชียงใหม่เริ่มเป็นศูนย์กลางใหญ่
บทบาทของแม่สายอาจลดลง แต่ไม่เคยเลือนหาย
เพราะผู้คนเชื่อว่า ดินแดนปลายเหนือสุดแห่งนี้ คือประตูชั้นแรกของวัฒนธรรมล้านนา
เป็นจุดรับผู้คน วัฒนธรรม และภาษา ที่หล่อหลอมเป็นอัตลักษณ์ภาคเหนือในปัจจุบัน
และไม่ว่ากี่ยุคสมัย แม่สายก็ยังเป็นดินแดนที่เล่าเรื่องของความรัก ความศรัทธา
และความเป็นเมืองชายแดนที่แข็งแกร่งท่ามกลางภูเขาและสายลมเหนือ
คำกล่าวปิดตำนาน
ผู้เฒ่ามักกล่าวว่า
“เมืองแม่สาย เป็นเมืองที่ขุนเขาเฝ้า น้ำคุ้ม และวิญญาณโบราณยังปกป้อง”
เพราะฉะนั้น ผู้ใดเดินทางผ่านแม่สาย
อย่าได้มองว่าเป็นเพียงเมืองชายแดน
แต่ให้รู้ว่า…
ทุกก้อนหิน ทุกหยดน้ำ และทุกสายหมอก ล้วนเป็นหน้าหนึ่งของตำนานเก่าแก่ที่ยังมีลมหายใจ